เอกชนกระตุ้นรัฐเร่งฉีดวัคซีน พร้อมจ่ายเงินเองขีดเส้นครบทุกคนใน มิ.ย.นี้

breaking news alerts

ส.อ.ท.ย้ำรัฐเร่งฉีดโควิด-19 เร็วกว่าแผนเดิม พร้อมควักเงินจ่ายเองให้แรงงาน 51,000 ราย ลั่นถ้าคนไทยทุกคนได้ฉีดวัคซีนใน มิ.ย.นี้ การลงทุน ท่องเที่ยว จะฟื้นทันที ด้าน ม.หอการค้าไทยจี้รัฐเร่งฉีดวัคซีนเพื่อเปิดรับนักเที่ยวต่างชาติ พร้อมออกมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติม ถ้าไม่มีอะไรใหม่ เปิดประเทศไม่ได้ จีดีพีโตได้แค่ 2.5-2.8% ไปไม่ถึง 4% แน่

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเมื่อเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา อยู่ที่ระดับ 85.1 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 83.5 เมื่อเทียบกับเดือน ม.ค. เนื่องจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเริ่มกลับมาอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจคือรัฐบาลจะต้องเร่งฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับประชาชนยิ่งเร็วเท่าใด จะยิ่งได้เปรียบในการดึงการลงทุนและการท่องเที่ยว

ทั้งนี้ ส.อ.ท.ได้หารือกับองค์การเภสัชกรรม เพื่อขอให้เร่งกระจายการฉีดวัคซีนให้เร็วขึ้นจากแผนเดิม โดยขอนำเข้าวัคซีนโควิด-19 ที่ขึ้นทะเบียนกับองค์การอาหารและยา (อย.) โดยเสียค่าใช้จ่ายเองในการนำมาฉีดให้กับแรงงานในภาคผลิตและอุตสาหกรรมที่เป็นอีกกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ด้วยการสอบถามไปยังสมาชิกระยะแรกพบว่าเพียง 1 สัปดาห์มีความต้องการถึง 51,000 ราย จาก 109 บริษัท ใน 22 จังหวัดทั่วประเทศ คิดเป็น 100,000 โดส (ฉีดคนละ 2 โดส เฉลี่ยโดสละ 1,000 บาท) ขณะนี้ ส.อ.ท.กำลังประสานกับกระทรวงสาธารณสุขถึงรายละเอียดต่างๆ โดยเฉพาะสถานที่ฉีด คาดว่าจะดำเนินการได้ในเดือน มิ.ย.นี้

“ภาคเอกชนกังวลว่าถ้าการระบาดในประเทศไทย ยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง การฉีดวัคซีนให้ทั่วถึงในสิ้นปีนี้อาจจะล่าช้าเกินไป กกร.ต้องการให้มีการฉีดวัคซีนให้เร็วที่สุด หากฉีดได้เร็วเท่าใดก็เป็นเรื่องที่ดีสำหรับประเทศไทย แต่ถ้ารัฐบาลบอกว่าคนไทยทุกคนจะได้ฉีดวัคซีนครบในเดือน มิ.ย.นี้ การลงทุนการท่องเที่ยวของไทยก็จะฟื้นคืนมาสู่ภาวะปกติในทันที ภาคเอกชนพร้อมเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระรายจ่ายของรัฐบาลในการนำวัคซีนมาฉีดให้สมาชิกหรือพนักงาน ซึ่งเป็นคนละส่วนกับปริมาณการนำเข้าของรัฐบาล และเสนอขอรัฐบาลให้เอกชนนำค่าใช้จ่ายเรื่องวัคซีนไปหักลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ 2 เท่า”

นายปณิธาน ปวโรฬารวิทยา รองเลขาธิการ ส.อ.ท.กล่าวว่า ขณะนี้ ส.อ.ท. จะเป็นผู้แทนภาคอุตสาหกรรมไทย สั่งซื้อวัคซีนโควิด-19 ผ่านองค์การเภสัชกรรม เพื่อให้แรงงานในภาคอุตสาหกรรมได้รับการฉีดวัคซีนภายในเดือน มิ.ย. นี้ โดยผู้ที่ผ่านการฉีดวัคซีนแล้วจะได้รับใบรับรองการฉีดวัคซีน (Vaccine Certificate) และสามารถตรวจสอบประวัติการฉีดวัคซีนย้อนหลังได้อีกด้วย

นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ ที่ปรึกษาสภามหา- วิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทย เดือน ก.พ.64 อยู่ที่ 20.1 ลดลงจาก 21.7 ในเดือน ม.ค.64 ดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคต อยู่ที่ 39.1 เพิ่มขึ้นจาก 37.9 ส่งผลให้ดัชนีโดยรวมอยู่ที่ 29.3 ลดจาก 29.8 โดยมีปัจจัยลบคือ ความกังวลของโควิด-19 รอบใหม่ และมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น กระทบชีวิตประจำวัน การทำธุรกิจ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว และภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ความกังวลเกี่ยวกับการเมือง ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ค่าเงินบาทแข็งค่า เป็นต้น อย่างไรก็ตาม มีข้อเสนอแนะให้ภาครัฐเร่งฉีดวัคซีนให้ประชาชน เพื่อให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับสู่ภาวะปกติ เร่งฟื้นเศรษฐกิจเพื่อลดการตกงาน เป็นต้น

“การระบาดที่บางแค และอีกหลายจังหวัด ขอให้รัฐบาลอย่าปิดเมือง เพราะการปิดเมืองผลกระทบรุนแรงมาก ธุรกิจเจ๊งไปเยอะ โดยเฉพาะช่วงสงกรานต์ เงินจะสะพัดมากน้อยแค่ไหนอยู่ที่ประชาชนเดินทางไปมาอย่างเสรีเพียงไร และยิ่งถ้ารัฐบาลหวังเงินจากการท่องเที่ยว ก็ต้องเร่งฉีดวัคซีน และเปิดประเทศโดยเร็ว เพื่อดึงเงิน 2 ล้านล้านบาทจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ และต้องกระตุ้นคนไทยเที่ยวไทย ซึ่งจะมีเงินใช้จ่ายแค่ 1 ล้านล้านบาท ก็ยังชดเชยรายได้จากต่างชาติไม่ได้เลย จึงต้องมีมาตรการกระตุ้นอื่นๆเพิ่มเติมด้วย”

ด้านนายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดี และประธานที่ปรึกษามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นหอการค้าไทยเดือน ก.พ.64 ที่อยู่ที่ 20.1 ต่ำสุดในรอบ 26 เดือน ซึ่งการระบาดรอบใหม่ที่ตลาดบางแค ทำให้คนไม่มีอารมณ์เดินทาง ทำให้บรรยากาศสงกรานต์ไม่คึกคัก มูลค่าใช้จ่ายน่าจะหายไป 10-20% หรือเกือบ 30,000 ล้านบาท และทำให้เศรษฐกิจไทยย่อลง 0.1-0.2% จากเดิมที่ช่วงสงกรานต์แต่ละปีมีเงินสะพัดราว 140,000 ล้านบาท

“ยังไม่ชัดเจนว่า รัฐบาลจะเปิดประเทศได้ใน ไตรมาส 4 หรือไม่ เพราะแผนการฉีดวัคซีนยังไม่ชัดเจน ถ้าภาคท่องเที่ยวในประเทศยังไม่ถูกกระตุ้นในไตรมาส 2/64 โดยเฉพาะเราเที่ยวด้วยกันเฟส 2 ที่ยังค้างท่ออยู่ ส่วนเฟส 3 ออกมาไม่ทันในเดือน เม.ย.นี้ และนักเที่ยวต่างชาติยังไม่สามารถเข้ามาไทยได้ตามเป้าของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย 6 ล้านคนในไตรมาส 4/64 การจะทำให้เศรษฐกิจไทยทั้งปี 64 ขยายตัว 4% ตามเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ เป็นเรื่องยากมาก น่าจะได้เพียง 2.5-2.8% หรือใกล้เคียง 3%”.

https://www.thairath.co.th/news/business/finance-banking/2053076